พิมพ์
รายละเอียด: | ฮิต: 7969

ให้เรตสมาชิก: 5 / 5

ดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งาน
 

                      คุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง "นพ.อภินัย  ชินพิพัฒน์"

          ผมมองดูใบไม้ที่เปลี่ยนสี.... มองเห็นฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป   กาลเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้...แม้แต่สิ่งที่มองไม่เห็น  แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  ผมไม่รู้ว่าสิ่ง ๆ นี้จะเคยเกิดขึ้นกับใครบ้าง แต่มันได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว 

           ผมเป็นลูกของนักธุรกิจที่มีคุณพ่อเป็นเจ้าของกิจการ  คุณแม่ผมทำงานให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง  ผมจบการศึกษาในชั้นประถมที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน  จบมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบแพทย์ศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ตอนนี้ผมเป็นหมอที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์  ครอบครัวของผมอบอุ่นและสมบูรณ์ทุกอย่าง       

          ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น  ผมใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ๆ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวเล่นไปตามวัย  ผมได้รับเลือกให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัย และการเต้นรำก็เป็นสิ่งที่ผมชอบและถนัด  บางวันถ้าไม่ได้ไปไหนผมก็จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันก็เป็นเสมือนอาหารจานโปรดของผมอีกเหมือนกัน  วันเวลาชีวิตของผมหมดไปกับสิ่งเหล่านี้  ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมดูมันเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง  ผมมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตให้หมดไปวัน ๆ กับสิ่งเหล่านี้         

         วันหนึ่ง  คุณแม่ของผมชวนให้ผมมาบวชธรรมทายาทที่ วัดพระธรรมกาย   ผมรู้ว่าการบวชเป็นสิ่งที่ดี  แต่ต้องไม่ใช่วัดนี้อย่างแน่นอน เพราะข่าวที่กระพือให้ได้อ่านเกือบทุกวัน ทำให้ผมไม่ศรัทธาวัดนี้  ผมให้เหตุผลท่านว่า ผมจะบวชตามโครงการที่คณะแพทย์จัดไว้เป็นวิชาเลือก  ผมจะไม่บวชที่วัดพระธรรมกายอย่างแน่นอน  ถึงกระนั้นท่านก็ยังไม่หมดความพยายาม  ท่านได้ให้เหตุผลกับผมว่า  “สิ่งใดที่ยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง  ก็อย่าเพิ่งไปตัดสินใจเชื่อ”     ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงได้มาวัด และตัดสินใจบวชเพราะคิดว่า การบวชครั้งนี้ทำให้คุณแม่สบายใจ  และจะได้รู้ว่าสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังจากสื่อต่าง ๆ นั้นมันใช่หรือไม่  

 

ความสุขอยู่ในตัวเอง         

         ผมอบรมธรรมทายาท รุ่นที่ 28 ปี พ.ศ. 2543  ตลอดระยะเวลาของการอบรม  มันทำให้ผมเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า “พระพุทธศาสนา” มากยิ่งขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกฝนอบรมตนเอง  ทั้งในด้านปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ  ใจผมมีความสุขมาก มันเป็นความสุขที่เต็มอิ่มที่ใช้ชีวิตของผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน   ผมได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วความสุขมันอยู่ในตัวของผมเอง  มันไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่ผมเคยไขว่คว้ามาก่อน  วัดพระธรรมกายได้สอนให้ผมรู้จักความหมายของการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาอย่างสมบูรณ์แบบ  ผมนำหลักคำสอนที่มีในพระพุทธศาสนา  ซึ่งมีพระอาจารย์ และพระพี่เลี้ยงเป็นผู้นำมาถ่ายทอด  มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน  มันทำให้ผมรู้คุณค่าของความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้นบทฝึกของการอบรมเป็นพระธรรมทายาท เป็นบทฝึกที่ทำให้ผมยกระดับจิตใจตัวเองให้สูงขึ้น  ผมรับรู้ได้ด้วยใจของผมเองว่า มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป  แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม  แต่มันมีคุณค่าต่อจิตใจของผมมาก ผมจึงอยากจะบอกว่า

          “ครั้งหนึ่งในชีวิตของผม  ผมภูมิใจมากกับการได้บวช เป็นพระธรรมทายาท  มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมได้พบ  และเห็นคุณค่าที่มีอยู่ในตัวของผมเอง”        

 

คุณค่าที่ได้ทิ้งท้ายให้คิด

        ผมอยากบอกทุกคนว่าลูกผู้ชายครั้งหนี่งในชีวิตก็ต้องบวชทดแทนคุณของคุณพ่อคุณแม่  เวลาที่เราอยู่ในช่วงการศึกษานี่แหละเป็นช่วงที่ปลอดกังวลมากที่สุดแล้ว  หากรอให้เรียนจบหรือทำงานเสียก่อนยิ่งยากกว่านี้มาก     

        ระยะเวลาสองเดือนเหมือนจะมาก  แต่ถ้าเทียบกับตลอดเวลาทั้งชีวิตที่เราหมดไปกับการเล่นสนุก เที่ยวตามที่ต่าง ๆ ดูหนัง  ฟังเพลงแล้ว  ผมคิดว่ามันน้อยกว่ามาก     และสิ่งที่คุณได้มาจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณทั้งชีวิต  คือ  คุณจะได้หลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น เพราะการศึกษาธรรมะจากการบวชในครั้งนี้  คุณก็จะมีเพื่อนที่ดีอีกกลุ่มหนึ่งที่จะชวนคุณมาเข้าวัดฟังธรรมในบางเวลา  ที่คุณเผลอสติไป  หากใครกลับไปแล้วตั้งใจว่า  อย่างน้อยจะรักษาศีล 5 ให้ได้ทุกวัน  ก็เป็นหลักประกันอย่างหนึ่งว่า คุณคงจะไม่ต้องไปรับทุกข์จากการกระทำผิดศึลอีก  นั่นคือ เราจะองอาจกล้าหาญในทุกสถานการณ์  เราจะกล้าพูดได้เต็มปากว่า  เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีคนหนึ่ง 

         หากเราตั้งใจปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง  เราก็จะมีกำลังใจในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน  และการดำเนินชีวิตของเรายังสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนที่อยู่รอบข้างได้  เช่น  ผมเองก็แนะนำคนไข้และเพื่อนร่วมงานให้เขานั่งสมาธิ  เพื่อคลายความเครียดจากอาการเจ็บป่วยและจากหน้าที่การงาน

 

         หากใครตั้งใจมาบวช หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ก็ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วย  แม้ใครที่ไม่เห็นด้วยหรือยังไม่สนใจที่จะบวชก็ขอขอบคุณเช่นกันที่อ่านมาจนจบ

 

 

 ที่มา.... หนังสือ “จุดเปลี่ยน”