รายละเอียด:
| ฮิต: 36282
เพราะมีแรงจูงใจ บุรุษจึงตัดสินใจเข้ามาบวช ดังนั้นจึงเป็นการบวชที่มีเป้าหมายดี
งาม สูงส่งมิใช่บวชอย่างคนสิ้นคิด บุรุษผู้มีปัญญาตรองเห็นโทษภัยในชีวิตฆราวาสว่า
ทั้งคับแคบและเป็นที่มาของกิเลส โดยตรองเห็นคุณของชีวิตนักบวชว่า มีโอกาสประ
พฤติพรหมจรรย์
การบวชนั้น บางคนบวชแต่กาย แต่
ใจไม่บวชบางคนบวชใจ แต่กายไม่บวช
บางคนบวชทั้งกายบวช ทั้งใจ
ถึงแม้บวชชั่วคราวก็ถือว่าบวชเหมือน
กัน เพราะคำว่า " บวช " หมายถึง การ
งดเว้น จากสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ทำใจเราให้ต่ำ
สิ่งที่ขัดขวางความก้าวหน้า ในชีวิต
ฉะนั้นผู้บวชเข้ามาจึงมีหลายประเภท จุดมุ่งหมายสูงสุดของการบวช ในพระพุทธศาสนาก็ คือ นิพพาน อันเป็น
ความสิ้นทุกข์ ทุกข์ มันทำความเดือดร้อนให้อย่างไร? ทำไม? จึงต้องให้มันสิ้นเสีย เพราะตัว ทุกข์ นี่เองทำให้เรา
ต้องเดือดร้อนวุ่นวาย อันเป็นผลมาจากกิเลส ทำให้สัตว์โลกต้องเวียนว่าย ตาย เกิด ไม่มีที่สิ้นสุด เกิดแล้วเกิดอีก
ทำให้เรา ถูกแผดเผาด้วยอำนาจเพลิง กิเลส คือ โลภ โกรธ หลง
วิตามินแห่งการเป็นพระ
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
เมื่อบวชเป็นพระแล้วต้องตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมตลอดชีวิต ต้องดูแลตัวเองให้ดี เพื่อที่จะไปดูแลผู้
อื่นได้ แล้วก็ให้ศึกษาที่ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เทศนา และวิชชาธรรมกาย ให้แตกฉาน ถ้าบวชแล้วบำเพ็ญสม
ณธรรม ไม่เจริญศีล สมาธิ ปัญญา หรือพูดง่ายๆว่า ไม่ได้นั่งสมาธิ บวชมาก็อย่างนั้นๆไม่ได้อะไร เพราะบวชแล้ว
ก็ยังไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร หรือวิตามินของความเป็นพระ มันมีรสอร่อย โอชาอย่างไร เราจะไม่มีวัน
รู้จักเลย ถ้าไม่บำเพ็ญสมณธรรม ถ้าไม่ทำสมาธิ แค่อ่านจากตำรับตำรามันทราบ แต่มันไม่ลึกซึ้ง คือทราบว่า มัน
เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ไม่ซึ้ง เพราะอ่านไปก็ยังสงสัยอยู่ เอ๊ะ ใช่หรือเปล่า เอ๊ะ มีจริงไหม พอเอ๊ะ ทีไรมันแปล๊บ
เข้าไปในใจทุกครั้ง เพราะมันยังไม่ค่อยมั่นใจ
ถ้าเราไม่มั่นใจแล้วเวลาญาติโยมถาม นรกสวรรค์มีจริงไหม บาปบุญคุณโทษมีไหม มันก็ไม่ค่อยจะมั่นใจ
ตอบแบบคลุมๆ เครือๆ ตอบแบบกำกวม มันก็น่าจะมีนะอะไรอย่างนี้ โยมได้ฟังแล้วก็ เอ้อ บุญก็น่าจะทำนะ แล้ว
ก็ไม่ทำ แต่ถ้าบอกมีจริง อ่ะ ทำ ถ้าบอกไม่มีก็ไม่ทำ ถ้าบอกน่าจะมี ก็น่าจะทำ มันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บวช
แล้วอยากรู้รสชาติของการบวชว่า ปวัชชะ เว้นจากการกระทำแบบคฤหัสถ์ ที่สงัดจากกามและบาปอกุศลธรรม
ละวิตก วิจาร เข้าถึงปิติ สุข เอกัคคตา เป็นอย่างไร การที่จะไปอ่านตำรับตำราอย่างเดียว ไม่มีวันรู้เรื่อง มันต้องลง
มือปฏิบัติ จนกระทั่งใจหยุดนิ่ง พอใจใสแล้ว สงัดจากกาม ใจจะกว้างขวาง เราจะซาบซึ้งว่า ทำไมพระพุทธเจ้า
จึงตรัสว่า การเป็นคฤหัสถ์ การครองเรือนนั้นมันอึดอัด มันคับแคบ การที่เราจะรู้ว่ามันอึดอัดมันคับแคบ เป็นอย่าง
ไร เราก็จะต้องรู้จักว่า ใจที่มันกว้างขวาง ที่มันขยายนั้นเป็นอย่างไร ทีนี้ใจจะขยายได้ ใจต้องหยุดนิ่ง การทำบุญ
ใหญ่ด้วยมหาทานบารมี ก็ได้รู้จักบ้างเล็กน้อย ตอนเกิดปิติสุข ขนลุก ขนพอง แต่ปริมาณยังไม่เท่ากับใจหยุดนิ่ง
เมื่อใจหยุดนิ่งแล้ว ใจจะขยายออกไปเลย มันมีปิติ มีความสุข แล้วมีความเบิกบานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีสิ่ง
ใดที่จะมาเปรียบเทียบได้ เพราะฉะนั้นจะรู้จักวิตามินพระได้ ต้องนั่งสมาธิ ต้องทำตรงนี้ ถ้ามัวแต่เม้าท์กัน โม้กัน
ก็ไม่มีวันรู้จัก
อีกประการหนึ่ง เราจะได้ขบฉันด้วยความเป็นนาย ไม่ฉันด้วยความเป็นหนี้ เป็นผู้ให้ เป็นทักขิไณยบุคคล
เป็นเนื้อนาบุญ เราจะเป็นเนื้อนาบุญได้ ก็ต้องเข้าถึงนาบุญซึ่งอยู่ภายใน ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ตรงนั้นอุดม
สมบูรณ์ไปด้วยปุ๋ยแห่งความดี เป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ ที่มีอานุภาพไม่มีวันสิ้นสุด เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและ
ความสำเร็จในชีวิต ญาติโยมที่เขามาทำบุญกับเรา ที่เขานำภัตตราหารมาถวาย แล้วทุกคำกลืนที่เรากลืนไป
เปรียบเหมือนกับกลืนเพชรกลืนพลอย มันใสยิ่งกว่าอาหารทิพย์ เพราะขณะที่ฉันนั้น ใจเราใสสว่าง ทุกคำกลืนก็
เปลี่ยนเป็นบุญเกิดขึ้นกับเราก่อน แล้วไปถึงญาติโยมด้วย อย่างนี้ ฉันด้วยความไม่เป็นหนี้ แต่ฉันด้วยความเป็น
นาย และอีกประการหนึ่ง ที่หลวงพ่ออยากจะฝากเอาไว้ ทั้งลูกพระลูกเณรในวัด และประจำที่ศูนย์สาขาต่างๆก็
ดีว่า บวชเป็นพระเป็นเณรแล้วอย่าดูหนัง ดูละครนะลูกนะ ดีอย่างที่นี่ไม่มีทีวีเอาไว้สำหรับดูหนังดูละคร เพราะมี
ความคิดว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร อีกอย่างโยมเขาถือศีล 8 ถือศีลอุโบสถ โยมเขายังไม่ดูหนังดูละครเลย เพราะ
ฉะนั้นลูกพระลูกเณร อย่าไปดูนะลูกนะ มันไม่เกิดประโยชน์ มันก็อย่างนั้นแหละ คิดดูก็แล้วกัน เราถือศีล 227
ข้อ โยมถือศีล 8 ข้อ เขายังทำได้ เราถือศีล 227 ข้อ ทำไม่ได้มันก็พิลึก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปฉันข้าวของโยมเลย
อย่างนี้ต้องถือศีลกินวาตา กินลม จะได้ไม่เป็นหนี้ หากเราดูหนังดูละครมันเป็นหนี้เขานะ ต้องไปเกิดเป็นอะไร
ให้เขาใช้ ทำข้าวให้เขากินแทน เพราะเรากินข้าวของเขาน่ะ มันก็ต้องผลัดกัน เพราะฉะนั้น ลูกพระลูกเณรอย่า
นะลูกนะ
บวชเป็นพระแล้วต้องบำเพ็ญสมณธรรม วิตามินของพระ คือ บำเพ็ญสมณธรรม อย่าลืมประโยคนี้
แล้วจะสนุกกันใหญ่เลย เรามีโอกาสสว่าง ชีวิตเราไม่คับแคบ ไม่มีเครื่องกังวล จะแสวงหาความรู้ภายในได้ไป
เรื่อยๆ เป็นความรู้คู่ความสุข ความรู้จะไม่มีวันสิ้นสุดเมื่อใจหยุดนิ่งแล้ว
พระสูตรที่ต้องศึกษา
การศึกษาสามัญญผลสูตร จะช่วยให้เกิดความเข้าใจว่า เหตุใดมนุษย์เราจึงควรบวช เมื่อบวชแล้วจะต้องปฏิบัติตนอย่างใดบ้าง และเมื่อปฎิบัติตนตามขั้นตอนเป็นลำดับไปจนถึงที่สุด หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าประพฤพรหมจรรย์ โดยบริบูรณ์แล้ว จะเกิดผลดีต่อผู้ประพฤติเองอย่างไรบ้าง ความรู้เหล่านี้จะทำให้ผู้ที่ศึกษาตรองเห็นด้วยปัญญาว่า การดำเนินชีวิตเป็นนักบวชแท้ๆในพระธรรมวินัยนั้นประเสริฐสุด ไม่มีการดำเนินชีวิตแบบใดๆจะเทียบได้เลย
สามัญญผลสูตรนี้ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างมากทั้งต่อนักบวชและฆราวาสในด้านต่างๆหลายประการดังต่อไปนี้คือ
1. มาตราฐานของนักบวช
ธรรมะที่ปรากฏอยู่ในสามัญญผลสูตรนี้ถือได้ว่า เป็นเกณฑ์มาตราฐานด้านหลักการและคุณธรรมของนักบวชอย่างแท้จริง เพราะได้ให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตราฐานของนักบวชว่า นักบวชที่สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา หรือศาสนาใดๆก็ตาม จะต้องมีหลักการและคุณธรรมอย่างใดบ้างซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักบวชโดยตรง
ยิ่งกว่านั้นความเข้าใจนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อฆราวาสทั้งหลาย ในการพิจารณาว่า นักบวชรูปใดดีหรือไม่ดี จริงหรือปลอม สามารถยึดเป็นที่พึ่งที่ระลึกได้หรือไม่ เพื่อว่าจะได้หลีกเลี่ยงจากนักบวชซึ่งเผยแพร่ลัทธิคำสอนที่เป็นอันตรายต่อชาวโลก หรือเพื่อป้องกันตัวไม่ให้เป็นเครื่องมือของนักบวชทุศีล หรือเพื่อไม่ให้หลงงมงายตามคำสอนของนักบวชที่ปฏิบัตินอกลู่นอกทางไปจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. การปฏิบัติตนต่อนักบวช
ฆราวาสโดยทั่วไปเมื่ออ่านพระสูตรนี้แล้ว ย่อมเข้าใจได้เองว่า ควรจะประพฤติปฏิบัติตนต่อนักบวชอย่างไร จึงจะไม่ขัดต่อพระวินัยหรือศีลของนักบวช อันมีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นต้น และถ้าปรารถนาจะได้รับความรู้ ความดีหรือบุญกุศลจากนักบวช ก็ควรจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร และจะสนับสนุนนักบวชอย่างไรบ้าง เป็นต้น ทั้งเกิดความเข้าใจว่าแม้ตนเองไม่ได้บวชก็จะสามารถบำเพ็ญกุศลธรรมได้ โดยทำหน้าที่เป็นกำลังสนับสนุนนักบวชให้ส่งเสริมสันติสุขแก่โลกได้อย่างกว้างขวาง
3. การเตรียมตัวก่อนบวช
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้บวชหากวันใดวันหนึ่งคิดจะออกบวชบ้าง ก็จะสามารถเตรียมตัวเตรียมใจล่วงหน้าได้ถูกต้อง จึงจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากการบวช ทั้งไม่เป็นนักบวชที่มีส่วนทำลายพระพุทธศาสนา ไม่เป็นนักบวชที่มอมเมาประชาชน และไม่เป็นนักบวชที่สร้างความสับสนจนทำให้ประชาชนเข้าใจพระพุทธศาสนาผิด ถ้าเป็นการบวชตลอดชีวิต ก็จะเป็นการบวชเพื่อมรรคผลนิพพานโดยแท้ หรือแม้ว่าจะเป็นการบวชระยะสั้น ดังที่นิยมบวชกันตามประเพณีของไทย ในช่วงฤดูเข้าพรรษา ผู้บวชก็จะได้รับรสพระธรรมอันประเสริฐ ถูกต้องตามแนวทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้บวชเกิดโยนิโสมนสิการ อันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการครองชีวิตฆราวาสเมื่อลาสิกขาแล้ว และเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ทั้งยังเป็นการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวอยู่คู่โลกอีกด้วย
4. บทสรุปหลักศาสนา
สามัญญผลสูตรเป็นบทสรุปหลักการ และวิธีการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาที่สมบูรณ์ยิ่งสูตรหนึ่ง เพราะสามารถสะท้อนภาพรวมแห่ง เหตุ และ ผล อันเป็นหัวใจคำสอนในพระพุทธศาสนาออกมาได้อย่างชัดเจน
“เหตุ” คือข้อปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ให้นักบวชประพฤติปฏิบัติตาม รวมทั้งต้องไม่ปฏิบัติในข้อที่ทรงห้ามไว้ด้วย
“ผล” คือสิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะพึงได้รับจากการปฏิบัตินั้น ซึ่งมีอยู่หลายระดับ
สามัญญผลสูตรจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักการศาสนารวมถึงนักบวชทั้งหลาย เพราะเป็นหลักเกณฑ์มาตราฐานแห่งการครองตนในฐานะนักบวช ที่สามารถใช้เป็นเครื่องตรวจสอบการประพฤติปฏิบัติของนักบวชเอง และนักบวชผู้อยู่ในความดูแล ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่มีความเข้าใจสามัญยผลสูตรอย่างถ่องแท้ย่อมจะสามารถอธิบายหลักการและวิธีการสำคัญในพระพุทธศาสนา ให้ผู้ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจพระพุทธศาสนา หรือให้บุคคลต่างศาสนาเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ แม้เพียง 5 หรือ 10 นาที ถ้าเราสามารถอธิบายหลักการและวิธีการของพระพุทธศาสนาได้อย่างชัดเจนแล้ว ผู้ฟังที่มีปัญญาไตร่ตรอง แม้จะนับถือศาสนาอื่น ก็ย่อมจะนำสิ่งที่ได้ฟังไปพิจารณาเปรียบเทียบกับหลักการและวิธีการในศาสนาของเขา ซึ่งในที่สุดอาจจะเห็นแนวทางที่จะปรับเข้าหากันได้ ทำให้ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นสามารถอยู่ร่วมกับชาวพุทธได้อย่างสันติสุข โดยปราศจากความขัดแย้งซึ่งกันและกันในด้านทิฐิ
5. การสั่งสมบุญบารมี
สามัญญผลสูตรเหมาะสำหรับผู้ตั้งใจสั่งสมบุญบารมีเป็นอย่างยิ่ง นักสร้างบุญบารมีทั้งหลายถ้าทำความเข้าใจสามัญญผลสูตรได้เป็นอย่างดีแล้วจะสามารถสร้างบารมีได้อย่างยิ่งยวด สามารถเดินหรือปฏิบัติตามรอยบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลายไปได้อย่างองอาจ ไม่มีผิดพลาด จนบรรลุมรรคผลได้อย่างอัศจรรย์ แม้ในระหว่างที่ยังไม่บรรลุ ก็รู้ได้ว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องระมัดระวังหรือต้องปรับปรุงให้ดียิ่งๆขื้นไป
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า “สามัญญผลสูตร” เป็นพระสูตรอันมหัศจรรย์อย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะชี้ทางสว่างให้แก่นักบวชและผู้ปรารถนามรรคผลนิพพานแล้ว ยังให้แนวคิดที่มีคุณค่ายิ่งต่อผู้ครองเรือนโดยอเนกประการดังได้กล่าวแล้ว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. Copyright (c) ๒๐๐๔ All rights reserved.